สภากาชาดไทย ขอเชิญชวนผู้มีจิตอาสา ร่วมเป็นอาสาสมัครสภากาชาดไทยเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ ผู้ที่สนใจสามารถสมัครได้ ณ ที่ว่าการอำเภอสุคิริน ( ห้องสำนักงานอำเภอสุคิริน ชั้น ๒ ) ตั้งแต่บัดนี้ จนถึง วัน พุธ ที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๕๘ นี้

ประวัติอำเภอสุคิริน







      ประวัติความเป็นมา

                     อำเภอสุคิริน เดิมเคยเป็นกิ่งอำเภอหนึ่งที่ได้จัดตั้งขึ้น พ.ศ. 2474 ชื่อ "กิ่งอำเภอปาโจ" ขึ้นกับอำเภอโต๊ะโมะ (อำเภอแว้งในปัจจุบัน)
                     กิ่งอำเภอนี้จัดตั้งเพราะมีชาวฝรั่งเศสได้เข้ามาขอสัมปทานทำเหมืองแร่ทองคำ บริเวณเทือกเขาลีซอ ซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลโต๊ะโม๊ะ มีราษฎรอพยพเข้ามาอยู่เป็นจำนวนมาก ทางราชการจึงได้พิจารณาจัดตั้งกิ่งอำเภอนี้ขึ้นมาเพื่อสะดวกในการปกครอง ดูแลผลประโยชน์ของทางราชการในการจัดเก็บภาษีอากรและให้บริการประชาชน โดยแบ่งเขตการปกครองเป็น 2ตำบล คือ ตำบลโต๊ะโมะ และตำบลมาโมง
                     ต่อมาในปี พ.ศ. 2482 เกิดสงครามอินโดจีนขึ้น ชาวฝรั่งเศสเจ้าของกิจการเหมืองแร่ทองคำได้หนีภัยสงคราม จึงทิ้งเหมืองแร่ทองคำ ดังนั้นรัฐบาลไทยโดยกรมโลหะกิจ กระทรวงอุตสาหกรรม ได้แต่งตั้ง พระอุดมธรณีศาสตร์ มาเป็นผู้ดำเนินการเหมืองแร่ทองคำดังกล่าวแทน ประมาณปีเศษเกิดเหตุการณ์ไม่สงบในบริเวณเหมืองแร่ทองคำ และต่อมาได้ล้มเลิกกิจการไป คนไทยที่อาศัยอยู่บริเวณนี้ได้อพยพออกหมด
                    ต่อมาใบปี พ.ศ. 2506 คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้กรมประชาสงเคราะห์จัดตั้งนิคมพัฒนาตนเองภาคใต้ จังหวัดนราธิวาส เพื่ออพยพราษฎรที่มีฐานะยากจนและไม่มีที่ดินทำกินของตนเองจากท้องที่ต่าง ๆ เข้ามาประกอบอาชีพ โดยมีอาณาเขตท้องที่ 2 อำเภอ คือ อำเภอสุคิรินและอำเภอจะแนะ เนื้อที่ประมาณ 510,000 ไร่ และได้ประกาศพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเองพัฒนาภาคใต้จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ.2517
                  เขตนิคมฯคลุมพื้นที่ 2 อำเภอ คือ อำเภอสุคิริน และอำเภอจะแนะ เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2520 กระทรวงมหาดไทยได้ประกาศจัดตั้งกิ่งอำเภอสุคิริน ขึ้นประกอบด้วย 2ตำบล คือ ตำบลมาโมง และตำบลสุคิริน และเมื่อวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2529 กระทรวงมหาดไทยได้ประกาศยกฐานะกิ่งอำเภอสุคิริน เป็นอำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส จนถึงปัจจุบัน
                  คำว่า "สุคิริน" เป็นชื่อตำหนักที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี พระราชทานเมื่อคราวเสด็จมาประทับแรม เมื่อปี พ.ศ. 2510 ซึ่งหมายความว่า "พรรณไม้งามเขียวชอุ่ม" ซึ่งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี พระราชทานเพื่อความเหมาะสมกับสภาพท้องถิ่นที่เต็มไปด้วยป่าและภูเขา มีพรรณไม้นานาชนิดขึ้นอยู่อย่างงดงาม

     ลักษณะที่ตั้งและอาณาเขต

                อำเภอสุคิรินตั้งอยู่ทางตอนล่างด้านใต้สุดของจังหวัดนราธิวาส มีสภาพเป็นป่าและภูเขาโอบล้อมรอบ มีเนื้อที่ประมาณ 517 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 319,849 ไร่ มีอาณาเขตติดต่อกับอำเภอใกล้เคียงดังนี้

       ทิศเหนือ ติดต่อกับ อ.จะแนะ อ.ระแงะ และ อ.สุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส

       ทิศใต้ ติดต่อกับ อ.เจอลี รัฐกลันตัน และ อ.กริก รัฐเปรัค ประเทศมาเลเซีย

       ทิศตะวันออก ติดต่อกับ อ.สุไหงปาดี และ อ.แว้ง จังหวัดนราธิวาส

       ทิศตะวันตก ติดต่อกับ อ.จะแนะ จังหวัดนราธิวาส และ อ.กริก รัฐเปรัค ประเทศมาเลเซีย



     ลักษณะภูมิอากาศ






           อำเภอสุคิริน ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงใต้ และลมมรสุมตะวันตกเฉียงเหนือจากมหาสมุทรอินเดีย ประกอบกับพื้นที่ทั่วไป เป็นภูเขาสูงชันและป่าทึบจึงทำให้มีฝนตกชุกเกือบตลอดทั้งปี มีฤดูกาลเพียง 2 ฤดู คือ

           ฤดู ร้อน ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ เดือนมกราคม - เมษายน ช่วงร้อนที่สุดช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนเมษายน อุณหภูมิเฉลี่ย 30 C ปริมาณน้ำฝน 50 มม.

           ฤดูฝน เริ่มตั้งแต่ เดือนพฤษภาคม - ธันวาคม ฝนจะตกชุกในเดือนกันยายน - ธันวาคม อุณหภูมิเฉลี่ย 20 C ปริมาณน้ำฝน 265 มม.








     ประชากร

              ประชากรตามสถิติทะเบียนราษฎร์ เดือน พฤษภาคม พ.ศ. 2558

              ประชากร อำเภอสุคิรินทั้งหมด จำนวน  25,839  คน
              ชาย     13,367  คน
              หญิง    12,472  คน

              จำนวนหลังคาเรือน   8,211 หลัง

     ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

   ตำบล สุคิริน  
             ประชากรทั้งหมด   4,980   คน
             ชาย   2,558  คน
             หญิง  2,422  คน
             จำนวนหลังคาเรือน  1,805  หลัง

   ตำบล มาโมง
            ประชากรทั้งหมด  5,930   คน
            ชาย   3,020  คน
            หญิง  2,910  คน
            จำนวนหลังคาเรือน  1,642  หลัง

  ตำบล ภูเขาทอง
            ประชากรทั้งหมด   2,611  คน
            ชาย   1,341  คน
            หญิง  1,270  คน
            จำนวนหลังคาเรือน  949  หลัง

  ตำบล เกียร์
           ประชากรทั้งหมด  3,464   คน
           ชาย   1,819  คน
           หญิง  1,645  คน
           จำนวนหลังคาเรือน  953 หลัง

 ตำบล ร่มไทร
           ประชากรทั้งหมด  5,073   คน
           ชาย   2,542  คน
           หญิง  2,531  คน
           จำนวนหลังคาเรือน  1,391  หลัง

 เทศบาลตำบล สุคิริน 
           ประชากรทั้งหมด   3,781  คน
           ชาย   2,087  คน
           หญิง  1,694  คน
           จำนวนหลังคาเรือน   1,471  หลัง


  ความหนาแน่นเฉลี่ย  49.97  คน / ตารางกิโลเมตร
  ความหนาแน่นของบ้านต่อพื้นที่  15.88  หลังคาเรือน / ตร.กม.

     ลักษณะภูมิประเทศ

            สภาพพื้นที่ทั่ว ๆ ไปเป็นภูเขาสูงชันและป่าทึบ มีที่ราบระหว่างภูเขาบ้างเล็กน้อย ลักษณะดินมีความอุดมสมบูรณ์ สภาพพื้นที่เป็นเทือกเขามีเทือกเขาที่สำคัญ ได้แก่

            เทือกเขาตูแว กั้นพรมแดนระหว่างอำเภอสุคิรินกับอำเภอจะแนะ และอำเภอสุไหงปาดี

            เทือกเขาบาตูกาเตาะ กั้นพรมแดนระหว่างอำเภอสุคิรินกับประเทศมาเลเซีย

            เทือกเขาบาลา กั้นพรมแดนระหว่างอำเภอสุคิรินและอำเภอแว้ง และประเทศมาเลเซีย

           เป็นต้นน้ำของแม่น้ำสายบุรี และแม่น้ำสุไหงโกลก มีแม่น้ำที่สำคัญคือ แม่น้ำสายบุรี และมีคลองที่สำคัญ 12 สาย ลำธารสายสำคัญ 7 สาย


        พื้นที่การใช้ประโยชน์


               พื้นที่ทั้งหมด 319,849 ไร่ เป็นพื้นที่ป่า 246,129 ไร่ พื้นที่ถือครองทางการเกษตรจำนวน 81,648 ไร่ พื้นที่ทำการเกษตรจริง 72,256 ไร่ โดยการถือครองที่ดินในอำเภอสุคิริน ส่วนใหญ่ยังไม่มีเอกสารสิทธิ โดยจะมีเฉพาะผู้ที่มีคุณสมบัติครบตามหลักเกณฑ์ของทางนิคมสร้างตนเอง และทางนิคมได้ออกเอกสารสิทธิ ซึ่งได้นำมาเปลี่ยนเป็นหนังสือรับรองการทำประโยชน์แล้ว มีจำนวนเพียง 156 แปลงเท่านั้น

        สภาพเศรษฐกิจ

              1. การเกษตรกรรม มีพื้นที่การเกษตรทั้งสิ้น 81,648 ไร่ ครอบครัวเกษตร 3,623 ครอบครัว สภาพการผลิตพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ ๆ ได้แก่

       - ยางพารา มีพื้นที่ปลูกประมาณ 57,455 ไร่

       - เงาะ มีพื้นที่ปลูกประมาณ 4,538 ไร่

       - ลองกอง มีพื้นที่ปลูกประมาณ 39,173 ไร่

       - ทุเรียน มีพื้นที่ปลูกประมาณ 3,242 ไร่

       - มังคุด มีพื้นที่ปลูกประมาณ 1,346 ไร่

       - สะตอ มีพื้นที่ปลูกประมาณ 877 ไร่

              2. การปศุสัตว์ ได้แก่การเลี้ยงโค กระบือ แพะ แกะ สุกร ไก่ เป็ด ห่าน

              3. การพาณิชย์

       - มีสถานบริการน้ำมันเชื้อเพลิงขนาดใหญ่ 1 แห่ง

       - มีธนาคาร 1 แห่ง คือ ธนาคารออมสิน สาขาสุคิริน

       - มีสหกรณ์ที่ขึ้นทะเบียนตามพระราชบัญญัติสหกรณ์  จำนวน 1 แห่ง  คือ สหกรณ์ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน


     วัฒนธรรม ประเพณี


                    เนื่องจากอำเภอสุคิริน อยู่ในเขตนิคมสร้างตนเองสุคิริน ประชาชนโดยส่วนใหญ่ย้ายมาจากต่างภูมิภาค ต่างถิ่น ทั้งภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมทั้งภาคใต้ ซึ่งมีประเพณีและวัฒนธรรมที่หลากหลาย มากมาย ดังต่อไปนี้

         1.  วัฒนธรรมประเพณีของชาวไทยมุสลิม เช่น 

                -   ประเพณีถือศีลอด  คือเดือนที่ 9 ของปฏิทินฮิจญ์เราะหฺ หรือปฏิทินอิสลาม เป็นเดือนที่มุสลิมถือศีลอดทั้งเดือน ด้วยเหตุนี้จึงเรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า เดือนบวช และถือว่าเป็นเดือนที่สำคัญที่สุดเดือนหนึ่ง มุสลิมจะต้องอดอาหารเพื่อที่จะได้มีความรู้สึกถึงคนที่ไม่ได้รับการดูแลจากสังคม เช่น คนยากจน เป็นต้น และเดือนนี้ยังเป็นเดือนที่อัลกรุอานได้ถูกประทานลงมาเป็นทางนำให้กับมนุษย์ มุสลิมจึงต้องอ่านอัลกุรอาน เพื่อศึกษาถึงสิ่งที่พระเจ้าต้องการให้มนุษย์รู้ว่าการเป็นอยู่ในโลกนี้และโลกหน้าจะเป้นอย่างไร และจะต้องทำตัวอย่างไรบ้าง กิจกรรมพิเศษของมุสลิมนิกายซุนนะหฺคือการละหมาดตะรอเวียะฮฺในยามค่ำของเดือนนี้

                -   ประเพณีฮารีรายอ มี 2 วัน คือ 

                          1. วันอิฏิลฟิตรี หรือที่เรียกว่า วันฮารีรายอปอซอ เป็นวันเฉลิมฉลองเนื่องจากการสิ้นสุดการถือศีลอดในเดือนรอมฎอน เป็นการกลับเข้าสู่สภาพเดิมคือ สภาพที่ไม่ต้องอดอาหาร ไม่ต้องอดน้ำ ฯลฯ อีกต่อไป ซึ่งตรงกับวันที่หนึ่งของเดือนเซาวาล เป็นเดือนที่ ๑๐ ทางจันทรคติ
                           2. วันอิฎิลอัตฮา หรือที่เรียกว่า วันฮารีรายอหัจญี หมายถึงวันเฉลิมฉลองเนื่องในวันเชือดสัตว์พลีเป็นทานบริจาคอาหารแก่คนยากจนและประชาชนทั่วไป ตรงกับวันที่ ๑๐ ของเดือนซุลอิจญะ เป็นเวลาเดียวกับการประกอบพิธีหัจญ์ ณ นครเมกกะของมุสลิมทั่วโลก ดังนั้นชาวไทยมุสลิมจึงนิยมเรียกวันตรุษนี้ว่า วันอีดใหญ่หรือวันรายอหัจญี

                 -   ประเพณีมาแกปูโล๊ะ  เป็นภาษาท้องถิ่น แปลว่า “กินเหนียว” ประเพณีการกินเหนียวของชาวไทยที่นับถือศาสนาอิสลาม จะใช้ในหลายโอกาส เช่น แต่งงาน และเข้าสุหนัต คำว่า  “กินเหนียว” มิใช่ว่าเจ้าของจะบริการอาหารเฉพาะข้าวเหนียวเท่านั้น แต่เป็นการเลี้ยงอาหารธรรมดาทั่วไปนั่นเอง

                 -  งานเมาลิด  เป็นงานฉลองการเกิดของศาสดามุฮัมมัด ซึ่งตรงกับวันที่ 12 เดือนรอบิอุลเอาวัล ตามปฏิทินอิสลามซึ่งนับตามจันทรคติ โดยงานเมาลิดนั้นมักจะจัดในประเทศอียิปต์ และประเทศมุสลิมอื่นๆ เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย อินเดีย เป็นต้น

                 -  การกวนอาซูรอ "อาซูรอ" เป็นภาษาอาหรับ หมายถึง วันที่ ๑๐ ของเดือนมุฮัรรอน ซึ่งเป็นเดือนทางศักราชอิสลาม ในสมัย ท่าน นบีนุฮ์ ได้เกิดน้ำท่วมใหญ่ยังความเสียหายแก่ทรัพย์สินไร่นาของประชาชนทั่วไป ทำให้เกิดการขาดอาหารบริโภค จึงประกาศให้ผู้ที่มีสิ่งของที่เหลือพอจะรับประทานได้ ให้เอามากองรวมกัน เนื่องจากต่างคนต่างมีของคนละอย่างไม่เหมือนกัน ท่าน นบีนุฮ์ ให้เอาของเหล่านั้นมากวนเข้าด้วยกัน สาวกของท่านก็ได้รับประทานอาหารโดยทั่วกันและเหมือนกัน ในสมัย ท่าน นบีมูฮัมหมัด (ศ็อล) ได้เกิดเหตุการณ์ทำนองเดียวกันขณะที่กองทหารของท่านกลับจากการรบที่ บาดัร ปรากฏว่าทหารมีอาหารไม่พอกิน ท่าน นบีมูฮัมหมัด(ศ็อล) จึงใช้วิธีการของท่าน นบีนุฮห์ โดยให้ทุกคนเอาข้าวของที่รับประทานได้มากวนเข้าด้วยกัน แล้วแบ่งกันรับประทานในหมู่ทหาร
                  - ดีเกฮูลู  เล่นดีเกร์ฮูลูส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย ประกอบด้วยนักร้อง นำหรือ แม่เพลง ๑–๒ คน ลูกคู่ ๑๐–๑๕ คน นักดนตรี ๕– ๖ คน แต่งกายด้วยชุดพื้นเมืองมุสลิม ลูกคู่และ นักดนตรีแต่งกายเหมือนกัน ส่วนแม่เพลงและนักร้อง แต่งกายแตกต่างจากลูกคู่และนักดนตรี เครื่องดนตรีที่ใช้ ประกอบการแสดง มี ฆ้อง ๑ วง (โหม่งใหญ่) รำมะนา อย่างน้อย ๒ ใบ ลูกแซ็ก ๑-๒ คู่ ต่อมามีการเพิ่มเติมกรับ ฉาบ โหม่งคู่ (ฆ้องคู่) เข้าไปด้วย


           เป็นต้น

         2. วัฒนธรรมประเพณีของชาวไทยพุทธ เช่น
                  - ประเพณีสงกรานต์  สืบทอดมาแต่โบราณคู่กับตรุษ จึงเรียกรวมกันว่า ประเพณีตรุษสงกรานต์ หมายถึง ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เดิมวันที่จัดเทศกาลกำหนดโดยการคำนวณทางดาราศาสตร์ แต่ปัจจุบันระบุแน่นอนว่า 13 ถึง 15 เมษายน
                  - ประเพณีบุญบั้งไฟ  ประเพณีบุญบั้งไฟ เป็นประเพณีหนึ่งของภาคอีสานของไทยรวมไปถึงลาว โดยมีตำนานมาจากนิทานพื้นบ้านของภาคอีสานเรื่องพระยาคันคาก เรื่องผาแดงนางไอ่ ซึ่งในนิทางพื้นบ้านดังกล่าวได้กล่าวถึง การที่ชาวบ้านได้จัดงานบุญบั้งไฟขึ้นเพื่อเป็นการบูชา พระยาแถน หรือเทพวัสสกาลเทพบุตร ซึ่ง ชาวบ้านมีความเชื่อว่า พระยาแถนมีหน้าที่คอยดูแลให้ฝนตกถูกต้องตามฤดูกาล และมีความชื่นชอบไฟเป็นอย่างมาก หากหมู่บ้านใดไม่จัดทำการจัดงานบุญบั้งไฟบูชา ฝนก็จะไม่ตกถูกต้องตามฤดูกาล อาจก่อให้เกิดภัยพิบัติกับหมู่บ้านได้ ช่วงเวลาของประเพณีบุญบั้งไฟคือเดือนหกหรือพฤษภาคมของทุกปี แต่เนื่องจากอำเภอสุคิรินเป็นอำเภอที่มีผู้คนหลายภูมิภาคย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ ซึ่งรวมถึงผู้คนที่ย้ายเข้ามาจากภาคอีสานด้วย จึงทำให้อำเภอสุคิรินมีประเพณีบุญบั้งไฟเหมือนกับทางภาคอีสานเหมือนกัน


                  - ประเพณีบวช เป็นการปฏิบัติที่สืบเนื่องมาจากความเลื่อมใสศรัทธาในศาสนาพุทธของพุทธศาสนิกชน โดยตามประเพณีปฏิบัติในการบวชนั้น ชายที่มีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์จะต้องเข้าพิธีอุปสมบท (อุปสมบท หมายถึงการบวชเป็นภิกษุ) เพื่อศึกษาพระธรรมให้เข้าใจชีวิต และสามารถนำมาใช้ในการครองชีวิตต่อไปในภายภาคหน้าได้อย่างสงบสุขและมีสติ นิยมบวชตามประเพณีในช่วงก่อนวันเข้าพรรษา เพื่อที่จะได้สามารถอยู่ศึกษาพระธรรมตลอดจนระยะเวลาเข้าพรรษา ประมาณ 3 เดือน ก็จะลาสิกขาเมื่อพ้นวันออกพรรษาแล้ว แต่ถ้าบวชต่อไปก็ได้แล้วแต่ความสะดวก หากไม่ได้บวชในช่วงตามประเพณีระยะเวลาในการบวชขึ้นอยู่กับความสะดวกของผู้บวชเช่นกัน โดยส่วนใหญ่จะประมาณ 15 วัน หรือ 1 เดือน


                  - ประเพณีสาร์ทเดือนสิบ  เป็นงานบุญประเพณีของคนภาคใต้ของประเทศไทย โดยเฉพาะชาวนครศรีธรรมราช ที่ได้รับอิทธิพลด้านความเชื่อซึ่งมาจากทางศาสนาพราหมณ์ โดยมีการผสมผสานกับความเชื่อทางพระพุทธศาสนาเข้ามาในภายหลัง โดยมีจุดมุ่งหมายสำคัญเพื่อเป็นการอุทิศส่วนกุศลให้แก่ดวงวิญญาณของบรรพชนและญาติที่ล่วงลับ ซึ่งได้รับการปล่อยตัวมาจากนรกที่ตนต้องจองจำอยู่เนื่องจากผลกรรมที่ตนได้เคยทำไว้ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ โดยจะเริ่มปล่อยตัวจากนรกในทุกวันแรม 1 ค่ำเดือน 10 เพื่อมายังโลกมนุษย์โดยมีจุดประสงค์ในการมาขอส่วนบุญจากลูกหลานญาติพี่น้อง ที่ได้เตรียมการอุทิศไว้ให้เป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อผู้ล่วงลับ หลังจากนั้นก็จะกลับไปยังนรก ในวันแรม 15 ค่ำ เดือน 10
              ช่วงระยะเวลาในการประกอบพิธีกรรมของประเพณีสารทเดือนสิบจะมีขึ้นในวันแรม 1 ค่ำถึงแรม 15 ค่ำเดือนสิบของทุกปีแต่สำหรับวันที่ชาวใต้มักจะ นิยมทำบุญกันมากคือวันแรม 13-15 ค่ำ ประเพณีวันสารทเดือนสิบโดยในส่วนใหญ่แล้วจะตรงกับเดือนกันยายน
                  - การละเล่นต่าง ๆ

          เป็นต้น

         การปกครอง


             แบ่งเขตการปกครองตาม พ.ร.บ. ลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. 2457 เป็น 5 ตำบล 41 หมู่บ้าน ดังนี้

        1. ตำบลสุคิริน มี 13 หมู่บ้าน

        2. ตำบลมาโมง มี 10 หมู่บ้าน

        3. ตำบลเกียร์ มี 5 หมู่บ้าน

        4. ตำบลภูเขาทอง มี 8 หมู่บ้าน

        5. ตำบลร่มไทร มี 5 หมู่บ้าน

   และเขตการปกครองตาม พ.ร.บ. เทศบาล พ.ศ.2596  อีก 1 แห่ง ได้แก่
         1. เทศบาลตำบลสุคิริน

           องค์การบริหารส่วนตำบล 5 แห่ง คือ


     -  องค์การบริหารส่วนตำบลมาโมง

     -  องค์การบริหารส่วนตำบลสุคิริน

     -  องค์การบริหารส่วนตำบลเกียร์

     -  องค์การบริหารส่วนตำบลภูเขาทอง

     -  องค์การบริหารส่วนตำบลร่มไทร

             สถานที่ราชการ


     - โรงพยาบาลประจำอำเภอ จำนวน  1 แห่ง   คือ
              1. โรงพยาบาลสุคิริน

     - โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล จำนวน  9 แห่ง คือ
             1. โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล  สว.นอก
             2. โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล  กะลูบี
             3. โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล  จุฬาภรณ์พัฒนา ๑๒
             4. โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล  ภูเขาทอง
             5. โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล  ร่มไทร
             6. โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล  บ้านน้ำตก
             7. โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล  ไอยามู
             8. โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล  ร่มเกล้าพยาบาล    
             9.  สถานีอนามัย เฉลิมพระเกียติ ฯ  ไอปาโจ

     - สถานีตำรวจภูธร  จำนวน  1  แห่ง คือ
               1. สถานีตำรวจภูธรอำเภอสุคิริน

     - โรงเรียนมัธยม  จำนวน  1  แห่ง  คือ
               1. โรงเรียน สุคิรินวิทยา

     - โรงเรียนประถม - มัธยม  จำนวน  4  แห่ง  คือ
               1. โรงเรียน นิคมพัฒนา ๑๐
               2. โรงเรียน นิคมพัฒนา ๒
               3. โรงเรียน รักไทย
               4. โรงเรียน บ้านบาลูกายาอิง

    -  โรงเรียนประถม  จำนวน 11  แห่ง
               1. โรงเรียน นิคมพัฒนา ๔
               2. โรงเรียน นิคมพัฒนา ๕
               3. โรงเรียน นิคมพัฒนา ๖
               4. โรงเรียน นิคมพัฒนา ๗
               5. โรงเรียน นิคมพัฒนา ๙
               6. โรงเรียน สุคิริน
               7. โรงเรียน ตชด.บ้านลีลานนท์
               8. โรงเรียน บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา ๑๒
               9. โรงเรียน บ้านร่วมใจ
              10.โรงเรียน บ้านน้ำใส
              11.โรงเรียน ภูเขาทอง
               


ขอขอบคุณข้อมูลจาก 
นิคมสร้างต้นเองสุคิริน
ฝ่ายทะเบียนอำเภอสุคิริน
บัณฑิตอาสาอำเภอสุคิริน
เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล อำเภอสุคิริน